Lead time มีความสำคัญต่อการจัดส่งสินค้าอย่างไร

Lead Time

     เมื่อพูดถึงกระบวนการผลิตสินค้า ปัจจัยที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือ “Lead Time” หรือช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มการผลิตจนสิ้นสุดกระบวนการ เนื่องจากการบริหารจัดการเรื่องเวลาในการผลิตเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากสินค้ามาเร็วเกินไป อาจทำให้วัตถุดิบบางประเภท เช่น อาหาร สารเคมี ของสด หรือสินค้าที่มีอายุจำกัด หมดอายุ หรือเสียคุณค่าทางโภชนการไปได้ หรือหากใช้เวลาในการผลิตที่นานเกินไป อาจสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า และยังเสียโอกาสในการสร้างรายได้อีกด้วย

Lead time คืออะไร

     Lead Time หรือ ช่วงเวลานำ คือ ช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการต่างๆ เช่น สำหรับกระบวนการผลิต สามารถหาได้ด้วยการรวมเวลาตั้งแต่การนำเข้าหรือสั่งซื้อชิ้นส่วนวัสดุอุปกรณ์ วัตถุดิบ การสร้างชิ้นงานหรือผลิตสินค้า การตรวจสอบมาตรฐาน QC จนถึงการขนส่งและส่งมอบสินค้า แล้วแต่ว่าในโรงงานนั้นจะมีกระบวนการต่างๆ แยกย่อยไปขนาดไหน โดยในแต่ละอุตสาหกรรมย่อมมีระยะเวลาในการรอคอยสินค้าในแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า รูปแบบในการผลิต อายุของสินค้า รวมไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วย

ประเภทของ Lead time

     หากพูดถึง Lead Time หลายๆคนอาจจะยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแบบผิดๆอยู่ เพราะความหมายที่แท้จริงของ Lead Time คือ “ช่วงเวลารวมตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ” ซึ่ง “กระบวนการ” เป็นรูปแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสั่งสินค้า กระบวนการผลิต หรือกระบวนการกระจายสินค้านั่นเอง ดังนั้น ประเภทของ Lead time จึงจะสามารถแยกได้จากกระบวนการของแต่ละรูปแบบนั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น 

Customer Lead Time

หรือช่วงเวลาตั้งแต่การยืนยันคำสั่งสินค้าจนถึงการได้รับสินค้าของลูกค้า

Material Lead Time

หรือช่วงเวลาการยืนยันคำสั่งวัตถุดิบจาก Supplier จนถึงเวลาที่ได้รับวัตถุดิบ

Production Lead Time

หรือช่วงเวลาในการสร้างชิ้นงานเมื่อวัตถุดิบพร้อม

Cumulative Lead Time

หรือช่วงเวลานำสะสม ตั้งแต่การยืนยันคำสั่งสินค้า การสร้างชิ้นงานจนถึงการส่งสินค้า

สูตรการคำนวณ Lead time

     เนื่องจาก Lead time มีหลากหลายรูปแบบ สูตรในการคำนวณ Lead Time จึงไม่สามารถกำหนดได้ตายตัว โดยส่วนมากจะเป็นการนับเวลารวมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจนจบเสียมากกว่า และจะปรับเปลี่ยนไปตามการทำงานจริงของโรงงานนั้นๆ นั่นเอง

ข้อดีของ Lead time

  1. ส่งผลดีต่อบุคลากรภายในองค์กร ทำให้ทางผู้ประกอบการ และบุคลากร ได้เห็นประสิทธิภาพของโรงงานตัวเองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเห็นประสิทธิภาพการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้
  2. ส่งผลดีต่อสินค้า ลดปัญหาการเน่าเสียหรือหมดอายุ ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทำให้เกิดความพึงพอใจต่อลูกค้า 
  3. ส่งผลดีต่อการบริหารงาน สามารถนำข้อมูลต่างๆไปใช้งานต่อได้หลากหลาย เช่น การคำนวณต้นทุนในการทำงาน การประเมินระยะเวลาก่อนส่งมอบงานให้ลูกค้า และการตรวจสอบจุดแข็ง-จุดอ่อนของโรงงาน ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารงานในระยะยาว

     โดยสรุปแล้ว การกำหนด Lead Time ที่ดีนั้น จะช่วยส่งผลต่อคุณภาพสินค้า ประสิทธิภาพการทำงาน และความพึงพอใจของลูกค้าในการส่งมอบงานอีกด้วย ซึ่งหากองค์กรใดมีการบริหารจัดการเรื่องเวลาได้ดี ย่อมประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะเวลาคือสิ่งมีค่าสำหรับทุกกระบวนการทำงานนั่นเอง ซึ่งหากใครกำลังมองหาบริษัทนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่มีความรวดเร็ว ระยะเวลาจัดส่งที่เหมาะสม ปลอดภัยได้มาตรฐาน ในราคาที่คุ้มค่า CPLINTER ยินดีให้คำปรึกษา สินค้าทุกชิ้นจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยแน่นอน พร้อมกับบริการต่างๆ ทั้งรับสินค้าฟรี หรือแพ็คสินค้าฟรี รวมถึงเรื่องเอกสารต่างๆ เราก็ยินดีให้บริการนะคะ สามารถติดต่อพวกเรา CPLINTER ได้ที่ เบอร์โทร 02-519-4426, 063-519-4426, 091-519-4426 Line @cplinter หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cplinter.com และฝากติดตามสาระน่ารู้จากรายการของเรา CPL What is ด้วยนะคะ

สนใจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

เพื่อให้การส่งของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นสามารถนำรายละเอียดสินค้าที่ต้องการจะส่งมาให้เราช่วย ตรวจสอบก่อน

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

แชทคุยโดยตรงได้ที่
LINE ID : @cplinter